คลังความรู้

ที่มา https://www.mangozero.com/thai-university-central-admission-system/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
มาอ่านสรุป TCAS ระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลับรูปแบบใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2561 นี้ กันดีกว่า ว่าสรุปแล้วระบบใหม่นี้มันคืออะไรกันแน่? ต่างจากระบบเก่ายังไง? มีข้อดีอะไรบ้าง? แล้วต้องเตรียมสมัครวันไหน? น้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับม.ปลาย โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้ระบบ TCAS ในการเข้ามหาวิทยาลัย ต้องมาอ่านกันให้ดีๆ เพื่อเตรียมความพร้อม !
TCAS คืออะไร ?
- TCAS เป็นระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยรูปแบบใหม่ ซึ่งย่อมาจาก Thai University Central Admission System
- ไม่ใช่ระบบเอ็นทรานซ์ แต่เป็นการรวมวิธีการรับนักศึกษาทั้ง 5 รูปแบบมาไว้ด้วยกัน
- สามารถติดตามและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ทางการ http://TCAS61.cupt.net ตั้งแต่ 2 มิถุนายน เวลา 18:00 เป็นต้นไป

ที่มา https://www.mangozero.com/thai-university-central-admission-system/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
ต่างจากระบบเดิมยังไงบ้าง ?
- การสอบของข้อสอบกลางทั้งหมดจะเลื่อนไปสอบหลังจากที่เด็กชั้น ม.6 เรียนจบการศึกษาแล้ว
- GAT/ PAT จัดสอบระหว่างวันที่ 24 – 27 กุมภาพันธ์ 2561
- O-NET จัดสอบระหว่างวันที่ 3 – 4 มีนาคม 2561
- 9 วิชาสามัญ จัดสอบระหว่างวันที่ 17 – 18 มีนาคม 2561
- กสพท. และวิชาเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัย จัดสอบระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 12 เมษายน 2561
- นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม ภาษาเกาหลี เป็นภาษาเพิ่มเติมในการสอบ PAT7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศด้วย

มีข้อดียังไงบ้าง ?
- เพิ่มโอกาสความเท่าเทียมในการเข้ามหาวิทยาลัย
- ลดปัญหาการกันสิทธิ์คนอื่น (กั๊กที่)
- ลดปัญหาความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคนรวยกับคนจน
- แก้ปัญหาวิ่งรอกสอบ เพราะระบบใหม่จะจัดช่วงเวลาการสอบหลังจากที่เด็กชั้น ม.6 เรียนจบการศึกษาแล้ว

ที่มา https://www.mangozero.com/thai-university-central-admission-system/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
รายละเอียดการคัดเลือก TCAS ทั้ง 5 รอบ (ปีการศึกษา 2561)
- รอบที่ 1 : การรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) โดยไม่มีการสอบข้อเขียน
- สำหรับ : นักเรียนทั่วไป นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ นักเรียนโควตา นักเรียนเครือข่าย
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : สถาบันอุดมศึกษา/ มหาวิทยาลัยโดยตรง
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก :
- ครั้งที่ 1 : 1 ตุลาคม 2560 – 30 พฤศจิกายน 2560
- ประกาศผล : 22 ธันวาคม 2560
- ครั้งที่ 2 : 22 ธันวาคม 2560 – 28 กุมภาพันธ์ 2561
- ประกาศผล : 26 มีนาคม 2561
- ครั้งที่ 1 : 1 ตุลาคม 2560 – 30 พฤศจิกายน 2560
- รอบที่ 2 : การรับแบบโควตาที่มีการสอบปฏิบัติและข้อเขียน
- สำหรับ : นักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือภาค โควตาโรงเรียนในเครือข่าย และโครงการความสามารถพิเศษ
- คะแนนที่ต้องใช้ยื่น : GAT/PAT, 9 วิชาสามัญ
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : ธันวาคม 2560 – เมษายน 2561
- ประกาศผล : 8 พฤษภาคม 2561
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : สถาบันอุดมศึกษา/ มหาวิทยาลัยโดยตรง
- รอบที่ 3 : การรับตรงร่วมกัน
- สำหรับ : นักเรียนที่อยู่ในโครงการ กสพท. (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย), โครงการอื่นๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : 9 – 13 พฤษภาคม 2561
- ประกาศผล : 8 มิถุนายน 2561
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบและเลือกได้ 4 สาขาวิชา โดยไม่มีลำดับ หมายความว่า 4 สาขาวิชา หรือ 4 มหาวิทยาลัยที่สมัครไปนั้นน้องๆ มีโอกาสผ่านการคัดเลือกทั้งหมด.. (แล้วค่อยเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการศึกษาต่อในเคลียริ่งเฮาส์ของรอบที่ 3 อีกครั้ง) ซึ่งที่จะมีการจัดสอบร่วมกันในเวลาเดียวกัน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นคนกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกเอง
- รอบที่ 4 : การรับแบบ Admission
- สำหรับ : นักเรียนทั่วไป
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : 6 – 10 มิถุนายน 2561
- ประกาศผล : 13 กรฎาคม 2561
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบและเลือกได้ 4 สาขาวิชา โดยมีลำดับ (เหมือนปีที่ผ่านมา)
- รอบที่ 5 : การรับตรงแบบอิสระ (รอบเก็บตก)
- สำหรับ : นักเรียนทั่วไป
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : ภายในเดือนกรกฎาคม 2561
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบได้ตามความต้องการ โดยที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะรับตรงด้วยวิธีการของมหาวิทยาลัยเอง
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : สถาบันอุดมศึกษา/ มหาวิทยาลัยโดยตรง

สำหรับเด็กซิ่ว
เด็กซิ่วสามารถสมัครได้ทุกรอบที่มีการเปิดรับสมัคร โดยจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติและระเบียบการที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งระบุไว้
*เด็กซิ่ว = เด็กที่ลาออกจากการเป็นนิสิตนักศึกษาแล้วกลับมาเข้าระบบเพื่อแอดมิชชั่นใหม่
สำหรับเด็กอินเตอร์
กระทรวงศึกษาธิการเผยว่า เด็กที่จบจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย หรือ จบการศึกษาจากต่างประเทศ ไม่ต้องเทียบวุฒิการศึกษา โดยสามารถสมัครสอบ(ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด) ได้ 3 รูปแบบ คือ
- การสมัครในรอบที่ 1 : การรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) โดยไม่มีการสอบข้อเขียน
- อาจเป็นการยื่นคะแนนทางวิชาการ IELTS, TOEFL, SAT เป็นต้น และมีมีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- การสมัครในรอบที่ 3 หรือรอบที่ 5 : การรับตรงร่วมกัน, การรับตรงแบบอิสระ (รอบเก็บตก)
- โดยต้องมีการสอบเพิ่มเติม หรือมีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- การสมัครในรอบที่ 4 : การรับแบบ Admission
- โดยต้องมีคะแนนและใช้องค์ประกอบคะแนนตามที่กำหนด
สำหรับเด็กที่จะเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
นักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จะสามารถสมัครในรอบที่ 1-3 และรอบที่ 5 แต่จะไม่มีกาสอบรอบที่ 4 (Admission) เพราะว่าจะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยทั้ง 2 กลุ่มแล้ว
ที่มา https://www.mangozero.com/thai-university-central-admission-system/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
[สรุป] มาแล้ว! ‘TCAS’ ระบบการคัดเลือกแบบใหม่ เริ่มใช้ปี 2561.. ไม่ใช่เอ็นทรานซ์นะ
ที่มา https://seniorswu.in.th/2017/tcas-admission/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. ได้มีการแถลงข่าวการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาแบบใหม่ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 ให้มีการเปลี่ยนแปลงตามข่าวที่ออกมา.. พี่ มศว พาน้องสอบ เลยจะขอพาน้องๆ มาทำความเข้าใจและสรุปให้เข้าใจง่ายๆ และเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง 
ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาแบบใหม่นี้ ไม่ใช่เอ็นทรานซ์ แต่เป็นระบบแอดมิชชั่นเดิมที่มีการปรับปรุงรูปแบบ.. โดยชื่อ “เอ็นทรานซ์ 4.0” ที่เรียกกันในขณะนี้เป็นเพียงการสื่อความหมายเท่านั้น ทาง ทปอ. ไม่ได้ไช้ชื่อนี้เรียกระบบแอดมิชชั่นใหม่นะ!
ชื่อระบบใหม่ที่แท้จริง
สำหรับชื่อระบบใหม่ที่แท้จริง คือ TCAS โดยย่อมาจาก Thai University Central Admission System ไม่ใช่เอ็นทรานซ์ 4.0 เหมือนที่มีคนเคยเรียกกันนะ โดยจะเริ่มใช้ระบบใหม่นี้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไป
โดยน้องๆ สามารถติดตามและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ทางการ http://TCAS61.cupt.net ตั้งแต่ 2 มิถุนายนเป็นต้นไป
ทำไมต้องปรับ?
เนื่องจากในหลายปีที่ผ่านมา กว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นต้องผ่านการสอบหลายครั้ง ทั้งการสอบข้อสอบกลางอย่าง GAT-PAT, 9 วิชาสามัญ และ O-Net ที่จัดตลอดทั้งปี อีกทั้งบางมหาวิทยาลัยก็มีการจัดสอบตรงของตนเอง และมีการรับที่หลายรอบเกินไป เกิดการวิ่งสอบและกันที่เกิดขึ้น รวมทั้งเงินค่าสมัครและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เสียซ้ำซ้อนและมากเกินไปนั่นเอง..
อีกทั้งการสอบและการรับนิสิตนักศึกษาใหม่ที่มีตลอดปี ทำให้การเรียน ม.6 ของแต่ละคนเรียนได้อย่างไม่เต็มที่ คุณครูก็ต้องเร่งสอนเพื่อให้ทันการสอบ
ด้วยความวุ่นวายเหล่านี้ เลยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และครั้งใหม่กับน้องๆ ปี 2561 นั่นเอง..
โดยยึดหลักการให้เด็กอยู่ในห้องเรียนจนจบการศึกษา ไม่เกิดปัญหาการวิ่งรอกสอบ ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายกับผู้ปกครอง เด็กมีสิทธิ์ที่เลือกเรียนตามที่ต้องการ ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกเด็กได้เช่นกัน

ที่มา https://seniorswu.in.th/2017/tcas-admission/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
ปรับอะไรบ้าง?
การสอบทั่วไป
สำหรับบรรดาการสอบของข้อสอบกลางทั้งหมดจะเลื่อนไปสอบหลังน้องๆ จบชั้น ม.6 ทั้งหมด โดยจัดสอบในเดือนมีนาคม – เมษายน 2561 ทั้งหมด 6 สัปดาห์ โดยมีกำหนดการดังนี้ :
สัปดาห์ที่ | วันสอบ | รายการสอบ | จัดสอบโดย |
---|---|---|---|
1 | 24 – 27 กุมภาพันธ์ 2561 | GAT / PAT ปีการศึกษา 2561 | สทศ |
2 | 3 – 4 มีนาคม 2561 | O-NET ม.6 ปีการศึกษา 2560 | สทศ |
4 | 17 – 18 มีนาคม 2561 | 9 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2561 | สทศ |
3, 5, 6, 7 | 24 กุมภาพันธ์ – 12 เมษายน 2561 | กสพท. และ วิชาเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัย | มหาวิทยาลัยต่างๆ หรือองค์กรที่จัดสอบ |
และพิเศษ! ทาง ทปอ. (ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย) ได้มีการเพิ่ม ภาษาเกาหลี เป็นภาษาเพิ่มเติมในการสอ PAT7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศอีกด้วย โดยจะจัดสอบครั้งแรกในการสอบ GAT-PAT ปีการศึกษา 2561.. อันยองฮาเซโย 
รายละเอียดการคัดเลือกทั้ง 5 รอบของ TCAS!
แบ่งเป็น 5 รอบด้วยกัน คือ
รอบที่ 1 : การรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) โดยไม่มีการสอบข้อเขียน
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก :
- ครั้งที่ 1 : 1 ตุลาคม 2560 – 30 พฤศจิกายน 2560
- ประกาศผล : 22 ธันวาคม 2560
- ครั้งที่ 2 : 22 ธันวาคม 2560 – 28 กุมภาพันธ์ 2561
- ประกาศผล : 26 มีนาคม 2561
- สำหรับ : น้องๆ นักเรียนทั่วไป, นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ, นักเรียนโควตา, นักเรียนเครือข่าย
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : มหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
รอบที่ 2 : การรับแบบโควตาที่มีการสอบปฏิบัติและข้อเขียน
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : ธันวาคม 2560 – มีนาคม 2561
- ประกาศผล : 8 พฤษภาคม 2561
- สำหรับ : น้องๆ นักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือภาค, นักเรียนในโรงเรียนเครือข่าย, นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : มหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
รอบที่ 3 : การรับตรงร่วมกัน
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : 9 – 13 พฤษภาคม 2561
- ประกาศผล : 8 มิถุนายน 2561
- สำหรับ : น้องๆ นักเรียนที่อยู่ในโครงการ กสพท. (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย), โครงการอื่นๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบและเลือกได้ 4 สาขาวิชา โดยไม่มีลำดับ หมายความว่า 4 สาขาวิชา หรือ 4 มหาวิทยาลัยที่สมัครไปนั้นน้องๆ มีโอกาสผ่านการคัดเลือกทั้งหมด.. (แล้วค่อยเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการศึกษาต่อในเคลียริ่งเฮาส์ของรอบที่ 3 อีกครั้ง) โดยที่จะมีการจัดสอบร่วมกันในเวลาเดียวกัน ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนด
- ยื่นสมัครผ่าน : ทปอ. (ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย) หลังจากนั้นจะส่งข้อมูลผู้สมัครไปให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้ประมวลคัดเลือก
รอบที่ 4 : การรับแบบ Admission
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : 6 – 10 มิถุนายน 2561
- ประกาศผล : 13 กรฎาคม 2561
- สำหรับ : น้องๆ นักเรียนทั่วไป
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบและเลือกได้ 4 สาขาวิชา โดยมีลำดับ (เหมือนแอดมิชชั่นในปีที่ผ่านมา) แต่ใช้เกณฑ์ค่าน้ำหนักที่ประกาศล่วงหน้า 3 ปี
- ยื่นสมัครผ่าน : ทปอ. (ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย)
รอบที่ 5 : การรับตรงแบบอิสระ (รอบเก็บตก)
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : ภายในเดือนกรกฎาคม 2561
- สำหรับ : น้องๆ นักเรียนทั่วไป
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบได้ตามความต้องการ โดยที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะรับตรงด้วยวิธีการของมหาวิทยาลัยเอง
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : มหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
จำนวนการรับในแต่ละรอบ ปีการศึกษา 2561 (โดยประมาณ)
เป็นข้อมูลจำนวนประมาณการจากสถาบันอุดมศึกษา จำนวน 40 แห่ง โดยรับทั้งหมด 278,644 คน แบ่งออกทั้งหมด 5 รอบ ดังรายละเอียดนี้
รอบที่ | ประเภทการรับ | จำนวน |
---|---|---|
รอบที่ 1 | ยื่นด้วยแฟ้มสะสมผลงาน | 72,613 คน |
รอบที่ 2 | รับแบบโควต้า | 85,436 คน |
รอบที่ 3 | การรับตรงร่วมกัน | 59,167 คน |
รอบที่ 4 | รับแบบแอดมิชชั่น | 35,836 คน |
รอบที่ 5 | การรับตรงอิสระ | 26,042 คน |
แล้วเด็กซิ่วล่ะ ?
* เด็กซิ่ว หมายถึง น้องๆ ที่ลาออกจากการเป็นนิสิตนักศึกษาแล้วกลับมาเข้าระบบเพื่อแอดมิชชั่นใหม่
ถือเป็นคำถามของเด็กซิ่วหลายคนว่า.. “แล้วเราล่ะ จะสมัครรอบไหนได้บ้าง”
น้องๆ เด็กซิ่วสามารถสมัครได้ทุกรอบที่มีการเปิดรับสมัคร โดยจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติและระเบียบการที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งระบุไว้ (หรือแบบเข้าใจง่ายๆ คือ อาจมีบางสาขาที่ไม่เปิดรับนั่นเอง)
ทุกรอบมี “เคลียริงเฮาส์” (Clearing House)
เนื่องจากปัญหาในหลายๆ ปีที่ผ่านมาที่มีปัญหาวิ่งสอบ แล้วกั๊กที่นั่งเรียนทำให้คนอื่นเสียสิทธิ์ไป ในระบบการคัดเลือกใหม่
ดังนั้นในระบบการคัดเลือกใหม่ ทาง ทปอ. จึงขอความร่วมมือให้ทุกมหาวิทยาลัยต้องเข้าร่วมเคลียริ่งเฮาส์ในทุกรอบ เพื่อให้น้องๆ กดยืนยันสิทธิ์การศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นๆ หลังสอบรอบนั้นๆ เสร็จ และเมื่อกดยืนยันในรอบนั้นๆ แล้วจะไม่สามารถสมัครสอบใหม่ในรอบอื่นๆ ได้อีกนั่นเอง
รอบที่ | ประเภทการรับ | วันที่ต้องยืนยันสิทธิ์เคลียริ่งเฮาส์ |
---|---|---|
รอบที่ 1 | ยื่นด้วยแฟ้มสะสมผลงาน | ครั้งที่ 1 : 15-19 ธันวาคม 2560 |
ครั้งที่ 2 : 19-22 มีนาคม 2561 | ||
รอบที่ 2 | รับแบบโควต้า | 3-6 พฤษภาคม 2561 |
รอบที่ 3 | การรับตรงร่วมกัน | 26-28 พฤษภาคม 2561 |
รอบที่ 4 | รับแบบแอดมิชชั่น | ไม่มีเคลียริ่งเฮาส์ |
รอบที่ 5 | การรับตรงอิสระ | ไม่มีเคลียริ่งเฮาส์ |
แล้วถ้าจะเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล่ะ ?
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จะเข้าร่วมการคัดเลือกในการสมัครรอบที่ 1-3 และรอบที่ 5 แต่จะไม่มีกาสอบรอบแอดมิชชั่น เพราะมหาวิทยาลัยทั้ง 2 กลุ่มนั้นเปิดภาคเรียนแล้วนั่นเอง!
ถ้าจบจากต่างประเทศ ?
สำหรับน้องๆ ที่จบหลักสูตรจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย หรือ จบการศึกษาจากต่างประเทศ ทางกระทรวงศึกษาธิการประกาศแล้วว่าไม่ต้องเทียบวุฒิการศึกษา สามารถสมัครเรียนต่อตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดได้
สำหรับน้องๆ หลักสูตรนานาชาติหรือจบจากต่างประเทศ สามารถสมัครสอบเข้าได้ 3 รูปแบบ คือ
- ในรอบที่ 1 แบบที่ไม่มีการสอบเพิ่มเติม : อาจเป็นการยื่นคะแนนทางวิชาการ IELTS, TOEFL, SAT เป็นต้น และมีมีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- หรือ สามารถสมัครในรอบที่ 3 หรือรอบที่ 5 ได้ โดยต้องมีการสอบเพิ่มเติม หรือมีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- หรือ สามารถสมัครในรอบที่ 4 ได้ แต่ต้องมีคะแนนและใช้องค์ประกอบคะแนนตามที่กำหนด
แผนการรับนิสิตใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปีการศึกษา 2561
โดยรับทั้งหมด 5,735 คน โดยทั้ง 5 รอบ แบ่งจำนวนเป็นตาม Infographic นี้.. สามารถตรวจสอบรายละเอียดการร ับของทุกคณะได้ที่ลิงค์นี้เลย!
[สรุป] รายวิชา GAT-PAT-วิชาสามัญ ที่ต้องสมัครเพื่อใช้ยื่นคัดเลือก [สรุป] ระเบียบการ : TCAS61 มศว รอบที่ 1 (ยื่นแฟ้มสะสมผลงาน) [TCAS61] สรุป แผนการรับนิสิตใหม่ มศว ปีการศึกษา 2561
รอบที่ | ประเภทการคัดเลือก | วันรับสมัคร |
---|---|---|
1 | การรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) โดยไม่มีการสอบข้อเขียน | คัดเลือกเรียบร้อยแล้ว |
2 | การรับแบบโควตาที่มีการสอบปฏิบัติและข้อเขียน | 15 ธันวาคม 2560 27 กุมภาพันธ์ 2561 |
3 | การรับตรงร่วมกัน | 9 – 13 พฤษภาคม 2561 |
4 | การรับแบบ Admission | 6 – 10 มิถุนายน 2561 |
5 | การรับตรงแบบอิสระ (รอบเก็บตก) | 2 – 8 กรกฎาคม 2561 |

ที่มา https://seniorswu.in.th/2017/tcas-admission/ สืบค้นเมื่อ 20 กุภาพันธ์ 2561
คู่มือผ่านด่าน TCAS 61
ก่อนจะไปทำความเข้าใจกับ “TCAS 61" ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบใหม่ในปี 2561 อยากให้เปรียบตัวเองเป็นมาริโอ้ในเกมที่จะต้องวิ่ง เดิน กระโดด เก็บพลังให้ตัวใหญ่ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เหมือนการเล่นเกมในชีวิตที่เราจะต้องผ่านไปให้ได้ ซึ่งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้ ถ้ามีคู่มือการเล่นเกม มีสูตรลัดก็จะช่วยให้เกมเดินไปถึงเส้นชัยได้เร็วขึ้นนั่นเอง คู่มือนี้ก็เช่นกันจะช่วยให้เพื่อน ๆ ผ่านด่านเข้ามหาวิทยาลัย ไม่พลาดคณะในฝันแน่นอน พร้อมแล้วก็ออกสตาร์ทเลย

Finding yourself
สำรวจตัวเอง ก่อนเริ่มเล่นเกม
1. ค้นหาตัวเองให้เจอ สำรวจตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ถนัดอะไรเป็นพิเศษ
2. ศึกษาข้อมูล ค้นคว้าในเว็บไซต์เรื่องข่าวการสอบ กำหนดการต่าง ๆ หรือวิธีอื่น เช่น สอบถามรุ่นพี่ ไปงาน Open House ไปค่าย ไปลองสัมผัสประสบการณ์จากคณะที่เราคิดว่าใช่
3. ทดสอบความพร้อม ลองไปเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคณะหรืออาชีพนั้น ๆ
2. ศึกษาข้อมูล ค้นคว้าในเว็บไซต์เรื่องข่าวการสอบ กำหนดการต่าง ๆ หรือวิธีอื่น เช่น สอบถามรุ่นพี่ ไปงาน Open House ไปค่าย ไปลองสัมผัสประสบการณ์จากคณะที่เราคิดว่าใช่
3. ทดสอบความพร้อม ลองไปเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคณะหรืออาชีพนั้น ๆ
ต่อไปก็ต้องศึกษาเส้นทาง อยากเข้าคณะอะไร คณะนั้นเปิดสอนที่ไหนบ้าง แต่ละที่มีเปิดรับตรง/โควตาไหม เปิดรับในระบบอะไรบ้าง การสอบเข้าใช้คะแนนอะไร หากเราไม่ศึกษาข้อมูลพวกนี้ จะไม่มีทางเล่นเกมนี้ได้ชนะ !
Basic Items
อาวุธพื้นฐาน

1. วุฒิการศึกษา จะได้มาหลังจากที่เรียนจบ ม. 6 หรือในระบบการศึกษาอื่น ๆ หรือเทียบเท่า* ม. 6
*เทียบเท่า = ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม. 6 นั่นก็คือ กศน. และปวช.
2. GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม เป็นอาวุธที่จะต้องเหลาให้คมเพราะช่วยให้ด่านต่อไปง่ายขึ้น การนำเกรดไปใช้ในแต่ละด่านโดยทั่วไปมีทั้งกำหนดเกรดขั้นต่ำและไม่กำหนด หากกำหนดก็จะกำหนดใช้เกรดเทอม 4, 5 หรือ 6 แล้วแต่โครงการ
- เกรดเฉลี่ยสะสม 4 ภาคเรียน คือ ม. 4 และ ม. 5
- เกรดเฉลี่ยสะสม 5 ภาคเรียน คือ เกรด ม. 4, ม. 5 และ ม. 6 เทอม 1
- เกรดเฉลี่ยสะสม 6 ภาคเรียน คือ เกรด ม. 4, ม. 5 และ ม. 6
3. คุณสมบัติเฉพาะกลุ่ม การรับตรง/โควตาเฉพาะพื้นที่ เฉพาะภูมิภาค มักจะกำหนดว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น หรือเคยผ่านโครงการนี้มาแล้ว แนะนำว่าควรอ่านคุณสมบัติให้ละเอียดจะได้ไม่พลาดโอกาสในการใช้สิทธิ์พิเศษต่าง ๆ ในจุดนี้
4. พลังวิเศษ การเล่นเกมใคร ๆ ก็พึ่งพาการ์ดพิเศษอันนี้ คือความสามารถพิเศษที่โดดเด่น เช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา ฯลฯ เพราะทักษะเหล่านี้สามารถทำให้เราผ่านด่านได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่มีการ์ดนี้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะก็ยังสามารถถึงเส้นชัยได้
5. ความรู้ คือสิ่งที่แต่ละคนสั่งสมมาและมีไม่เท่ากัน บางคนชอบวิชาวิทยาศาสตร์มาก บางคนชอบวิชาภาษาอังกฤษ ก็จะถนัดในวิชาที่ชอบแต่จะไม่สนใจและไม่ถนัดวิชาที่ไม่ชอบเลย แต่ก็มีคนที่ถนัดทุกวิชา ซึ่งอันนี้เป็นข้อได้เปรียบ ฉะนั้นเราต้องตั้งใจเรียนทำความเข้าใจวิชาเรียนหลัก ๆ ไว้ด้วยนะ
6. Portfolio แฟ้มสะสมอาวุธทั้งหมดของเรา การสอบสัมภาษณ์ทุกครั้งแฟ้มสะสมผลงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นการแนะนำตัวโชว์ผลงานเด่น ๆ ให้แก่คณะกรรมการได้เห็นว่าเรามีความสามารถทางด้านนี้มากแค่ไหน อาวุธของเรามีพลังมากพอที่จะผ่านด่านไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเองจะสามารถสะสมประการณ์ให้ตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน
*เทียบเท่า = ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม. 6 นั่นก็คือ กศน. และปวช.
2. GPAX หรือเกรดเฉลี่ยสะสม เป็นอาวุธที่จะต้องเหลาให้คมเพราะช่วยให้ด่านต่อไปง่ายขึ้น การนำเกรดไปใช้ในแต่ละด่านโดยทั่วไปมีทั้งกำหนดเกรดขั้นต่ำและไม่กำหนด หากกำหนดก็จะกำหนดใช้เกรดเทอม 4, 5 หรือ 6 แล้วแต่โครงการ
- เกรดเฉลี่ยสะสม 4 ภาคเรียน คือ ม. 4 และ ม. 5
- เกรดเฉลี่ยสะสม 5 ภาคเรียน คือ เกรด ม. 4, ม. 5 และ ม. 6 เทอม 1
- เกรดเฉลี่ยสะสม 6 ภาคเรียน คือ เกรด ม. 4, ม. 5 และ ม. 6
3. คุณสมบัติเฉพาะกลุ่ม การรับตรง/โควตาเฉพาะพื้นที่ เฉพาะภูมิภาค มักจะกำหนดว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น หรือเคยผ่านโครงการนี้มาแล้ว แนะนำว่าควรอ่านคุณสมบัติให้ละเอียดจะได้ไม่พลาดโอกาสในการใช้สิทธิ์พิเศษต่าง ๆ ในจุดนี้
4. พลังวิเศษ การเล่นเกมใคร ๆ ก็พึ่งพาการ์ดพิเศษอันนี้ คือความสามารถพิเศษที่โดดเด่น เช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา ฯลฯ เพราะทักษะเหล่านี้สามารถทำให้เราผ่านด่านได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่มีการ์ดนี้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะก็ยังสามารถถึงเส้นชัยได้
5. ความรู้ คือสิ่งที่แต่ละคนสั่งสมมาและมีไม่เท่ากัน บางคนชอบวิชาวิทยาศาสตร์มาก บางคนชอบวิชาภาษาอังกฤษ ก็จะถนัดในวิชาที่ชอบแต่จะไม่สนใจและไม่ถนัดวิชาที่ไม่ชอบเลย แต่ก็มีคนที่ถนัดทุกวิชา ซึ่งอันนี้เป็นข้อได้เปรียบ ฉะนั้นเราต้องตั้งใจเรียนทำความเข้าใจวิชาเรียนหลัก ๆ ไว้ด้วยนะ
6. Portfolio แฟ้มสะสมอาวุธทั้งหมดของเรา การสอบสัมภาษณ์ทุกครั้งแฟ้มสะสมผลงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นการแนะนำตัวโชว์ผลงานเด่น ๆ ให้แก่คณะกรรมการได้เห็นว่าเรามีความสามารถทางด้านนี้มากแค่ไหน อาวุธของเรามีพลังมากพอที่จะผ่านด่านไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเองจะสามารถสะสมประการณ์ให้ตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน
คุณสมบัติพร้อม อาวุธครบ ก็ไปต่อกันได้เลย Let’s go !
Mission 1

TCAS รอบที่ 1 Portfolio
ด่านโควตานี้ไม่มีการสอบข้อเขียน ใช้แค่ Portfolio โดยจะมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้แบบเฉพาะเจาะจง เช่น คววามสามารถะพิเศษ ทักษะความสามารถด้านต่าง ๆ กีฬา ดนตรี เป็นต้น เพราะฉะนั้นลองตรวจสอบดูว่าเรามีคุณสมบัติตรงตามโควตาประเภทใดหรือไม่ ถ้ามีและเป็นคณะหรือสาขาที่สนใจ อย่ารอช้า รีบยื่น Portfolio ของเราไปเลย
ประเภทของการรับตรง
- โครงการความสามารถพิเศษ
- โครงการโอลิมปิกวิชาการ
- โครงการเรียนดี
- โควตาโรงเรียนเครือข่าย
การสมัคร : มหาวิทยาลัยเปิดรับเอง
กำหนดการสมัครและคัดเลือก :
ครั้งที่ 1 วันที่ 1 ต.ค. - 30 พ.ย. 60
ครั้งที่ 2 วันที่ 22 ธ.ค. 60 – 28 ก.พ. 61
ประเภทของการรับตรง
- โครงการความสามารถพิเศษ
- โครงการโอลิมปิกวิชาการ
- โครงการเรียนดี
- โควตาโรงเรียนเครือข่าย
การสมัคร : มหาวิทยาลัยเปิดรับเอง
กำหนดการสมัครและคัดเลือก :
ครั้งที่ 1 วันที่ 1 ต.ค. - 30 พ.ย. 60
ครั้งที่ 2 วันที่ 22 ธ.ค. 60 – 28 ก.พ. 61
Mission 2

TCAS รอบที่ 2 โควตา
รับตรง/โควตาด่านนี้มีความคล้ายกับด่านแรก คือใช้ Portfolio แฟ้มสะสมอาวุธยื่น แต่จะมีการสอบข้อเขียนเพิ่มเข้ามาด้วย เพื่อวัดความถนัดพิเศษด้วย เช่น สอบความรู้ด้านทัศนศิลป์ ด้านภาษาอังกฤษ หรือทักษะอื่น ๆ ตามที่สถาบันกำหนด เป็นต้น
ประเภทของการรับตรง
- โควตาพื้นที่ หรือ โควตาโรงเรียนในเครือข่ายในพื้นที่ สำหรับผู้ที่อยู่เฉพาะภูมิลำเนา เน้นการกระจายโอกาสทางด้านการศึกษา เช่น โควตาภาคเหนือ 17 จังหวัด
- โควตา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
- โควตาความสามารถพิเศษต่าง ๆ ที่ต้องมีการสอบ
การสมัคร : มหาวิทยาลัยเปิดรับเอง
กำหนดการสมัครและคัดเลือก : ธ.ค. 60 – เม.ย. 61
- โควตาพื้นที่ หรือ โควตาโรงเรียนในเครือข่ายในพื้นที่ สำหรับผู้ที่อยู่เฉพาะภูมิลำเนา เน้นการกระจายโอกาสทางด้านการศึกษา เช่น โควตาภาคเหนือ 17 จังหวัด
- โควตา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
- โควตาความสามารถพิเศษต่าง ๆ ที่ต้องมีการสอบ
การสมัคร : มหาวิทยาลัยเปิดรับเอง
กำหนดการสมัครและคัดเลือก : ธ.ค. 60 – เม.ย. 61
ผ่านไปแล้ว 2 Mission จะเข้า Mission 3 เราต้องมีอาวุธเพิ่ม เพราะความยากก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ลำพังอาวุธพื้นฐานเราไปไม่ถึงเส้นชัยแน่ ๆ เราเลยต้องมี Rare Items อาวุธสำคัญที่จะทำให้เราผ่านด่านต่อไป !
Rare Items
อาวุธสำคัญ

O-NET
จะใช้คะแนน 5 กลุ่มสาระ คือ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย และสังคมศึกษา การสอบ O-NET เพื่อน ๆ ม. 6 ทุกคนต้องสอบให้ครบทุกวิชาภายในปีการศึกษานั้น สอบได้แค่ครั้งเดียว นักเรียนสายสามัญทางโรงเรียนจะสมัครสอบให้เอง ส่วนเด็กสายอาชีพ (ปวช., กศน.) สามารถสอบได้ แต่ต้องสมัครเองทางเว็บไซต์สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) (คะแนนมีอายุตลอดชีวิต)
GAT
การทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. ความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแก้โจทย์ปัญหา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า GAT เชื่อมโยง 50 %
2. ความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ 50 %
PAT
การทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ มี 7 ประเภท ได้แก่
PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ
การสอบ GAT/PAT ต้องสมัครสอบเองทางเว็บไซต์ สทศ. ไม่ต้องสอบทุกวิชา เลือกสอบเฉพาะวิชาที่ใช้ ซึ่งแต่ละคณะ/สาขาวิชา จะกำหนดใช้วิชา GAT/PAT ไม่เหมือนกัน ต้องศึกษาข้อมูลของแต่ละคณะ/สาขาตามที่กล่าวไปข้างต้น GAT/PAT ในปีการศึกษา 2561 จะแตกต่างกับปีที่ผ่านมา จากสอบ 2 รอบจะเหลือแค่สอบรอบเดียวเท่านั้น (คะแนนมีอายุ 2 ปี)
9 วิชาสามัญ คือ วิชาคณิตศาสตร์, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคมศึกษา, คณิตศาสตร์ 2 และวิทยาศาสตร์ทั่วไป เช่นเดียวกันกับ GAT/PAT ไม่ต้องสอบทุกวิชา เลือกสอบเฉพาะวิชาที่ใช้ก็พอ การสอบ 9 วิชาสามัญ ในปีการศึกษา 2561 จะแตกต่างจากปีที่ผ่านมาตรงที่ปีก่อน ๆ คะแนนจะนำไปใช้กับระบบรับตรงเท่านั้น แต่ของปี 61 จะนำมาใช้ในระบบการสมัครหลักด้วย (คะแนนมีอายุ 2 ปี)
สอบข้อเขียน/สอบตรง บางมหาวิทยาลัยจะกำหนดใช้ข้อสอบที่ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบเอง อาจจะเป็นวิชาสามัญทั่วไป หรือวิชาความถนัดต่าง ๆ อย่างความถนัดทางเภสัช ความถนัดทางวิชาชีพครู การสอบและการสมัครสอบก็ขึ้นอยู่กับทางสถาบันกำหนด ควรติดตาม คอยอัพเดตข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัยอย่างสม่ำเสมอ
จะใช้คะแนน 5 กลุ่มสาระ คือ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย และสังคมศึกษา การสอบ O-NET เพื่อน ๆ ม. 6 ทุกคนต้องสอบให้ครบทุกวิชาภายในปีการศึกษานั้น สอบได้แค่ครั้งเดียว นักเรียนสายสามัญทางโรงเรียนจะสมัครสอบให้เอง ส่วนเด็กสายอาชีพ (ปวช., กศน.) สามารถสอบได้ แต่ต้องสมัครเองทางเว็บไซต์สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) (คะแนนมีอายุตลอดชีวิต)
GAT
การทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. ความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแก้โจทย์ปัญหา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า GAT เชื่อมโยง 50 %
2. ความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ 50 %
PAT
การทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ มี 7 ประเภท ได้แก่
PAT 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์
PAT 2 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
PAT 3 ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
PAT 4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
PAT 5 ความถนัดทางวิชาชีพครู
PAT 6 ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
PAT 7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ
การสอบ GAT/PAT ต้องสมัครสอบเองทางเว็บไซต์ สทศ. ไม่ต้องสอบทุกวิชา เลือกสอบเฉพาะวิชาที่ใช้ ซึ่งแต่ละคณะ/สาขาวิชา จะกำหนดใช้วิชา GAT/PAT ไม่เหมือนกัน ต้องศึกษาข้อมูลของแต่ละคณะ/สาขาตามที่กล่าวไปข้างต้น GAT/PAT ในปีการศึกษา 2561 จะแตกต่างกับปีที่ผ่านมา จากสอบ 2 รอบจะเหลือแค่สอบรอบเดียวเท่านั้น (คะแนนมีอายุ 2 ปี)
9 วิชาสามัญ คือ วิชาคณิตศาสตร์, ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคมศึกษา, คณิตศาสตร์ 2 และวิทยาศาสตร์ทั่วไป เช่นเดียวกันกับ GAT/PAT ไม่ต้องสอบทุกวิชา เลือกสอบเฉพาะวิชาที่ใช้ก็พอ การสอบ 9 วิชาสามัญ ในปีการศึกษา 2561 จะแตกต่างจากปีที่ผ่านมาตรงที่ปีก่อน ๆ คะแนนจะนำไปใช้กับระบบรับตรงเท่านั้น แต่ของปี 61 จะนำมาใช้ในระบบการสมัครหลักด้วย (คะแนนมีอายุ 2 ปี)
สอบข้อเขียน/สอบตรง บางมหาวิทยาลัยจะกำหนดใช้ข้อสอบที่ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบเอง อาจจะเป็นวิชาสามัญทั่วไป หรือวิชาความถนัดต่าง ๆ อย่างความถนัดทางเภสัช ความถนัดทางวิชาชีพครู การสอบและการสมัครสอบก็ขึ้นอยู่กับทางสถาบันกำหนด ควรติดตาม คอยอัพเดตข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัยอย่างสม่ำเสมอ
กำหนดการสอบ
GAT/PAT สอบวันที่ 24 - 27 ก.พ. 61
O-NET สอบวันที่ 3 - 4 มี.ค. 61
วิชาเฉพาะแพทย์ กสพท สอบวันที่ 10 มี.ค. 61
9 วิชาสามัญ สอบวันที่ 17 - 18 มี.ค. 61
O-NET สอบวันที่ 3 - 4 มี.ค. 61
วิชาเฉพาะแพทย์ กสพท สอบวันที่ 10 มี.ค. 61
9 วิชาสามัญ สอบวันที่ 17 - 18 มี.ค. 61
มีอาวุธสำคัญครบแล้ว ก็ลุยด่านต่อไปกันเลย
Mission 3

TCAS รอบที่ 3 รับตรงร่วมกัน
สำหรับนักเรียนทั่วไป ทุกมหาวิทยาลัยตกลงใช้ข้อสอบกลางร่วมกัน แต่ละสถาบันจะกำหนดเกณฑ์การใช้คะแนนได้เป็นอิสระ เช่น โครงการรับตรง กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) หรือรับตรงโครงการหลักของแต่ละมหาวิทยาลัย โดยสามารถเลือกได้ 4 สาขาวิชา ไม่ต้องมีลำดับ การเลือก 4 สาขาวิชา โดยไม่มีอันดับ คือ 4 สาขานี้ไม่ต้องเรียงลำดับคะแนนสูง-ต่ำ สาขาไหนอยู่ก่อนอยู่หลังไม่มีผลต่อการคัดเลือก และมีโอกาสสอบติดมากกว่า 1 อันดับ
ตัวอย่างการเลือกอับดับ
อันดับ 1 กสพท (ซึ่งใน กสพท สามารถเลือกอันดับย่อยได้อีก 4 อันดับ)
อันดับ 2 คณะครุศาสตร์ โครงการรับตรง แบบปกติ จุฬาลงกรณ์
อับดับ 3 คณะวิทยาศาสตร์ โครงการรับตรง KU Admission ม.เกษตรศาสตร์
อันดับ 4 คณะนิติศาสตร์ โครงการรับตรง ม.ธรรมศาสตร์
การสมัคร : ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร
กำหนดการสมัคร : 9 - 13 พ.ค. 61
ตัวอย่างการเลือกอับดับ
อันดับ 1 กสพท (ซึ่งใน กสพท สามารถเลือกอันดับย่อยได้อีก 4 อันดับ)
อันดับ 2 คณะครุศาสตร์ โครงการรับตรง แบบปกติ จุฬาลงกรณ์
อับดับ 3 คณะวิทยาศาสตร์ โครงการรับตรง KU Admission ม.เกษตรศาสตร์
อันดับ 4 คณะนิติศาสตร์ โครงการรับตรง ม.ธรรมศาสตร์
การสมัคร : ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร
กำหนดการสมัคร : 9 - 13 พ.ค. 61
Mission 4

TCAS รอบที่ 4 Admissions
ระบบกลางในการรับสมัครสำหรับนักเรียนทั่วไป นักเรียนสามารถสมัครได้ 4 สาขาวิชา แบบมีลำดับ โดยใช้เกณฑ์แต่ละสาขาวิชาเหมือนกัน (ตามเกณฑ์ค่าน้ำหนักที่กำหนดไว้ล่วงหน้า 3 ปีมาแล้ว) คะแนนที่ใช้ GPAX, O-NET, GAT/PAT
เลือกสมัครได้ 4 สาขาวิชา แบบมีลำดับ คือจะต้องเรียงคะแนนจากมากไปน้อย นำคะแนนต่ำสุดของปีก่อนของแต่ละสาขามาเรียง จากมากสุดไปน้อยสุด เพราะอันดับมีผลกับการคัดเลือก และมีโอกาสติดแค่ที่เดียว
ตัวอย่างการเลือกอันดับ
อับดับ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ม.จุฬาฯ คะแนนต่ำสุด 20,322
อันดับ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ กลุ่มวิทยาเขตบางเขน ม.เกษตร คะแนนต่ำสุด 18,116
อันดับ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.เชียงใหม่ คะแนนต่ำสุด 15,823
อันดับ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.บูรพา คะแนนต่ำสุด 14,363
การสมัคร : ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร
กำหนดการสมัคร : 6 - 10 มิ.ย. 61
เลือกสมัครได้ 4 สาขาวิชา แบบมีลำดับ คือจะต้องเรียงคะแนนจากมากไปน้อย นำคะแนนต่ำสุดของปีก่อนของแต่ละสาขามาเรียง จากมากสุดไปน้อยสุด เพราะอันดับมีผลกับการคัดเลือก และมีโอกาสติดแค่ที่เดียว
ตัวอย่างการเลือกอันดับ
อับดับ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ม.จุฬาฯ คะแนนต่ำสุด 20,322
อันดับ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ กลุ่มวิทยาเขตบางเขน ม.เกษตร คะแนนต่ำสุด 18,116
อันดับ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.เชียงใหม่ คะแนนต่ำสุด 15,823
อันดับ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ม.บูรพา คะแนนต่ำสุด 14,363
การสมัคร : ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เป็นหน่วยกลางในการรับสมัคร
กำหนดการสมัคร : 6 - 10 มิ.ย. 61
Mission 5

TCAS รอบที่ 5 รับตรงอิสระ
หลังจากการรับสมัครรับตรง/โควตา, รับตรงร่วมกัน และแอดมิชชั่น จบไปแล้ว หากทางมหาวิทยาลัยยังมีที่นั่งว่างเหลือหรือต้องการนักศึกษาเพิ่ม ก็จะเปิดรับตรงอิสระเพิ่มเติม ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายของคนที่หลุดมาจากทุกด่าน แต่คณะ/สาขาวิชาที่เปิดรับอาจจะไม่เยอะ และอาจจะไม่ใช่คณะในฝันของเรา ดังนั้นควรตั้งใจวางแผนการเล่นเกมให้ดี ตั้งแต่ด่านแรก
การสมัคร : มหาวิทยาลัยเปิดรับเอง
กำหนดการสมัครและคัดเลือก : ก.ค. 61
การสมัคร : มหาวิทยาลัยเปิดรับเอง
กำหนดการสมัครและคัดเลือก : ก.ค. 61
Mission Complete

ไม่ว่าจะแอดมิชชั่นหรือเอนทรานซ์ ก็เป็นเพียงชื่อเรียกของระบบ ยังไงวิธีการก็คือ สอบข้อสอบกลางต่าง ๆ ให้ครบตามที่กำหนด แล้วนำคะแนนไปยื่นเข้าระบบ ระบบก็จะคำนวณคะแนน คำนวณลำดับของเราว่าจะติดที่ไหน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเรียกชื่ออะไร การเข้ามหาวิทยาลัยก็สำคัญตรงที่คณะที่เข้า ช่องทางการเข้า และคะแนนข้อสอบของเรา สู้ ๆ ทุกคนทำได้ !
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/blog/content/58843/ สืบค้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น